ช่วยด้วย!! ไฮเทคโนโลยีทำร้ายสายตา คุยกับ “จักษุแพทย์” รู้-แก้ ปัญหาสายตาแต่ละช่วงวัย

“จักษุแพทย์” เผยวิถีชีวิตยุคใหม่ ที่มีทั้งแท็บเลต, สมาร์ทโฟน ฯลฯ พาคนสายตาสั้นและเอียงเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น จากสถิติโดยเฉลี่ย อายุ 40 ปีขึ้นไป ถึงมีปัญหาสายตา (ยกเว้นกรรมพันธุ์) กลายเป็นว่าสมัยนี้เร็วขึ้น แถมมีแนวโน้มสั้นและเอียงขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการแก้ไขโดยถูกต้อง ซึ่งวิธีการที่นิยมคือ การตัดแว่นสายตา และ  สวมใส่คอนแทคเลนส์ โดยอย่างหลังจะมีปัญหาเรื่องตาแห้ง ตาอักเสบ ตามมา ดังนั้นวิถีเก่าอย่างการสวมใส่แว่นสายตา ที่ตรงกับปัญหาสายตา จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!!

ทั้งนี้ในงานแถลงข่าว  “ความร่วมมือของ  2  ผู้นำในการแก้ปัญหาสายตา”  ของ บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด  และ ศูนย์รักษ์สายตา โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ยังมีข้อมูลและวิทยาการใหม่ๆ ด้านการรักษาสายตาอย่างแจ่มชัด และได้ผลของทั้งสองหน่วยงานมาโชว์อีกเพียบ พร้อมเชิญ พญ.วิลาวัณย์ พวงศรีเจริญ จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกระจกตาและผ่าตัดแก้ไขสายตา มาให้ความรู้ด้านเคล็ดลับถนอมสายตาอีกด้วย

คุณภาคี ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด

“จากวิถีการดำรงชีวิต, การทำงาน รวมถึงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ต่างๆ ในปัจจุบันนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้คนประสบปัญหาเรื่องสายตามากขึ้น จากแต่ก่อน แนวโน้มปัญหาด้านสายตาที่พบ  ช่วงวัยรุ่น วัยเรียน  ประสบปัญหาเรื่องสายตาสั้น เอียง กลุ่มนี้จะตัดแว่นเฉลี่ย ปีละครั้ง เพราะสายตายังไม่คงที่ แก้ไขด้วยการใส่แว่นสายตา  วัยทำงาน ประสบปัญหาเรื่องสายตาสั้น เอียง และในกลุ่มนี้มักพบปัญหาตาเมื้อยล้าเนื่องจากการทำงานหน้าจอเป็นเวลานานๆ ส่งผลให้การมองไกลไม่ชัดชั่วคราว จะตัดแว่นเฉลี่ย ปีละครั้ง แก้ไขด้วยการใส่แว่นสายตา  อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ประสบปัญหาเรื่องสายตายาว และสายตายาวสูงอายุเพิ่มเข้ามา ซึ่งจะทำให้มีปัญหาในการมองมากกว่า 1 ระยะ กลุ่มนี้จะตัดแว่นเฉลี่ย 1-2 ครั้งต่อปี แก้ไขด้วยการใส่แว่นสายตา 2 เลนส์ หรือเลนส์โปรเกรสซีฟ โดยส่วนใหญ่ลูกค้าที่มีปัญหาสายตาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์นิยมตัดแว่นสายตา เนื่องจากใช้งาน และใส่ได้เลย ไม่ต้องกังวลเรื่องระคายเคืองจาการถอดเข้า-ออก และในบางรายที่สายตาคงที่แล้ว อาจแก้ปัญหาด้วยการทำเลสิค

ข้อดีของการทำคือ เป็นการรักษาที่ให้ผลถาวร, ใช้เวลารักษาน้อยและมีระยะพักฟื้นที่รวดเร็ว เพียง 1 วันก็สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ, ไม่มีความเจ็บปวด เนื่องจากมีการใช้ยาหยอดตา ไม่ต้องฉีดยาหรือยาสลบและไม่มีการเย็บแผล นอจากนี้เพิ่มอิสระให้กับชีวิตมากขึ้น เพราะไม่ต้องใช้แว่นตาในการทำกิจกรรมต่างๆ, เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพในบางอาชีพ, เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน

ด้าน พญ.วิลาวัณย์ พวงศรีเจริญ จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกระจกตาและผ่าตัดแก้ไขสายตา เผยว่า “ยุคนี้ควรให้ความสำคัญกับสายตา ตรวจครั้งแรกตั้งแต่ก่อนวัยเรียน 3 ขวบเป็นต้นไป  เพราะเด็กยุคใหม่จะมีปัญหาเรื่องสายตาขี้เกียจร่วมด้วย ควรรับรู้และกระตุ้นการทำงานเสียแต่เนิ่นๆ ทั้งนี้วิถียุคใหม่ ทั้งเรียน ทำงาน ทำให้ไม่อาจปฏิเสธนานาเทคโนยีได้ คุณหมอจึงขอให้สูตรสำหรับการถนอมสายตาของตัวเอง 20 20 20 ป้องกันอาการตาแห้ง ซึ่งจะส่งผลให้ระคายเคือง ตาอักเสบ ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นเพราะใช้สายตานานๆ ให้นั่งทำงานแค่ 20 นาที  พักสายตา 20 นาที เช่น ไม่มองจอ หลับตา มองระยะไกลที่มีสีเขียวๆ ฟ้า เพราะให้ความรู้สึกสบาย มองไกลไปสัก 20 ฟุต โยไม่มีสิ่งกีดขวาง จะเป็นระยะที่สบายมาก แล้วกลับมาทำงานใหม่ กรณีสายตาล้า อย่าฝืน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้เปลี่ยนโฟกัส ลุกออกไปทำโน่นนี่ก่อน พร้อมหมั่นตรวจสายตาปีละครั้ง ถ้ามองไม่ชัดแล้ว ควรใส่แว่นสายตา ป้องกันอาการสั้นและเอียงรุนแรงขึ้น นอกจากนี้การรับประทานอาหาร ผักห้าสี ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ก็มีส่วนช่วยได้มากค่ะ”

ย้ำชัดแล้วว่าต้องดูแลถนอมสายตาให้ดี พร้อมหมั่นเช็คสายตาเป็นประจำ ท้ายสุดจักษุแพทย์ย้ำว่าอยากให้เลือกร้านแว่นสายตาที่ได้มาตรฐาน มีผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือทันสมัยรองรับเท่านั้น

 

เพราะสายตาคนเรามีเพียงคู่เดียว หากเกิดอะไรขึ้นแล้วมันไม่คุ้มค่ะ