“พัทยา” รับลมเปลี่ยนทิศ นักลงทุนต้องการ Relax ใน Comfort Zone

ปลายปี 2016  หลายคนมองว่าเป็นการพะอืดพะอมของตลาดคอนโดมิเนียม เฉพาะเขตในเมืองหลวงเริ่มมองเห็นซัพพลายที่ล้นตลาด กระนั้นคำว่า “โลเคชั่น” ยังคงสะกดนักลงทุนให้มองหา “ของดี” ในตลาด รอช้อน รอปล่อยของ ซึ่งบรรดาผู้ประกอบการทั้งหลาย ก่อนจะผลิตสินค้าก็ต้องทำการบ้านและคิดกันหัวแตกมากขึ้น

มาถึงอีกหนึ่งดิวิลอปเปอร์ที่เล็งไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม คุณชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร   ฮาบิแทท กรุ๊ป แถลงข่าวขึ้นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรซ์ Best Western Premier BayPhere Pattaya สร้างจุดขายดึงเชนนอกจากอเมริกา  “เบสท์ เวสเทิร์น” มาวางระบบบริหารจัดการการเช่ามาตรฐานระดับโรงแรม สร้างกำไรให้นักลงทุน นำเสนอจุดเด่นด้านการลงทุนแบบ การันตีค่าเช่า 7% ต่อปี  เป็นระยะเวลานานถึง 5 ปี หลังจากปีที่ 5 แบ่งผลกำไร 60 / 40 หมายถึง ลูกค้ารับผลตอบแทน จากกำไรของการบริหารการเช่าถึง 60 % จากผลกำไรทั้งหมด   รวมถึงมูลค่าของสินทรัพย์ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นในอนาคตที่เรียกว่า Capital Gain ด้วย  ไม่นับรวมสิทธิ์ในการพักผ่อนคอนโดฯ 14 วันต่อปี

ความน่าสนใจคือ หลังโครงการฯ เปิดตัวเพียง 3 เดือน   มียอดขายกว่า   50 %  จากทั้งหมด  174  ยูนิต  โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักลงทุน  คาดว่าเนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ชัดเจนแน่นอนกว่าการลงทุนในประเภทอื่นๆ อาทิ หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ กองทุนรวม  นอกเหนือจากนั้นคือศักยภาพ  แนวโน้มเมืองพัทยาที่มีอัตราการเติบโตเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ภายในระยะเวลา 5 ปี มีสนามบินอู่ตะเภา , เรือเฟอร์รี่ ท่องเที่ยวเชื่อมต่อ 3 จัดหวัด พัทยา ระยอง หัวหิน , อนาคตมีแผนยาว มีรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทำให้คมนาคมสะดวก และเข้าถึงเมืองได้ง่ายขึ้น ด้านอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี ข้อมูลจาก Best Western เผยว่า ริมหาดอยู่ที่ 78 % และอัตราค่าห้องพักมีการเติบโต ประมาณ  3 พัน ถึง 7 พันบาทต่อห้อง

คุณชนินทร์ เผยแนวคิดที่น่าสนใจและสะท้อนพฤติกรรมของนักลงทุนในตลาดปัจจุบันว่า   “แม้ในปัจจุบัน ตลาดคอนโดฯจะมีคนมองว่าอิ่มตัว แต่บริษัทฯ คิดว่าอานิสงค์ของการขยายเมือง และเสน่ห์ในเมืองท่องเที่ยวของไทย ยังเป็นประโยชน์ดึงดูดเหล่านักลงทุนมองหาโปรดักส์ที่ดี ที่ตอบโจทย์ โดยผู้ที่ได้เปรียบคือผู้ที่มองและเข้าใจตลาดอย่างชัดเจนว่าต้องการผลิตสินค้าเพื่อขายใคร ในส่วนของ  bestwestern bayphere  ภายใต้การบริหารของ ฮาบิแทท กรุ๊ป นั้น เป็นโปรดักส์ที่ชัดเจนว่าเกิดขึ้นเพื่อนำเสนอแก่นักลงทุนที่ต้องการมีสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนชัดเจน และสามารถเพิ่มมูลค่าเป็นอย่างมากได้ในอนาคต บริษัทฯ จึงได้ศึกษาตั้งแต่การเลือกทำเล เป็นที่ดินแปลงเล็กติดหน้าหาดนาจอมเทียน ไปจนถึงระบบบริหารจัดการ ซึ่งใช้เชนต่างชาติที่มีกลุ่มลูกค้าและประสบการณ์ด้านการบริหารโรงแรมเข้ามามีส่วนร่วม ทำให้สามารถการันตีผลตอบแทนแน่นอนให้กับลูกค้าได้”

สรุปว่าปัจจัยที่ทำให้โครงการฯ ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว คือ 1  ผู้ประกอบการมีความชัดเจนว่าจะทำอะไรและชายใคร?   ชัดเจนว่าเป็นดิวิลอปเปอร์ที่พัฒนาโครงการฯ ป้อนตลาดนักลงทุน 2.สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของกลุ่มลูกค้าได้  โดยโครงการฯ ดึง  Best Western Premier  แบรนด์ผู้บริหารโรงแรมชั้นนำจากอเมริกาเข้ามาดูแลเรื่องบริหารจัดการแบบโรงแรม 4-5 ดาว ส่งเสริมระบบ Rental Management  มีศักยภาพไปถึงเป้าหมายชนิดสามารถ การันตีค่าเช่า 7% ต่อปี  เป็นระยะเวลาต่อเนือง  5 ปี ไม่นับรวมมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

 จำได้ว่าฟังผู้บริหาร “คุณชนินทร์” พูดตั้งแต่ครั้งแถลงข่าวว่า   “บริษัทฯ เป็นดิเวลอปเปอร์ที่มีแนวทางชัดเจน เราสร้างโปรดักส์ที่ดีเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เปิดตัวโครงการคอนโด สไตล์รีสอร์ท  ภายใต้ชื่อ  Best Western Premier BayPhere Pattaya ให้เป็นหนึ่งในโครงการฯ ที่มีศักยภาพด้านการลงทุนที่ชัดเจน  กล่าวคือมีจุดเด่นหลายๆ ด้านทั้ง  ทำเลคุณภาพ Beachfront ริมหาดผืนสุดท้ายของนาจอมเทียน ซึ่งคุ้มค่ากับการลงทุน รวมถึงเป็นทำเลที่มีการพัฒนาหลายด้านพร้อมกัน เช่น การขยายเมือง, การขนส่ง, การท่องเที่ยว   โดยพัทยา เมืองขนาดเล็ก แต่ศักยภาพเติบโตค่อนข้างมาก และราคาไม่สูงเหมือนในกรุงเทพฯ สามารถสร้าง Capital Gain ให้กับนักลงทุนได้มาก

ปัจจัยที่ทำให้เมืองเติบโต มีอยู่หลายปัจจัย ได้แก่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีสูงถึงสิบล้านคน  สนามบินอู่ตะเภาที่กำลังขยายอาคารผู้โดยสารที่จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นหลายล้านคน  เส้นมอเตอร์เวย์ เชื่อมต่อกรุงเทพไประยอง ในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงกว่า และระหว่างทางมีทางออกมายังถนนนาจอมเทียน โดยตรง ซึ่งใกล้กับโครงการ ทำให้การเดินทางสะดวก  และทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีการเติบโตของธุรกิจการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีทั้งนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ ทั้งคนไทยเอง และนักท่องเที่ยวในโซนเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และรัสเซีย ฯลฯ ทำให้พัทยามีข้อได้เปรียบในเรื่องของอัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยสูงถึง 80 %  ซึ่งสร้างผลตอบแทนค่าเช่าที่สูงกว่ากรุงเทพฯ

เราสร้างโปรดักส์ให้เหมาะกับการลงทุนเป็นพิเศษ โดยแต่ละห้องจะตกแต่งให้ครบเป็น Fully Furnish มีส่วนกลางดูแล ปล่อยเช่า ไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมแซม ซึ่งบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญากับโรงแรมในตลาดต่างประเทศ “เบสเวสเทิร์น”  ที่มีชื่อเสียงด้านการบริหารจัดการมากว่า 70 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ทั้งนี้ เบสท์เวสเทิร์นเป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดและมีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา เป็นที่ยอมรับในตลาด ทั้งในไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และจีน

สำหรับ  Best Western Premier BayPhere Pattaya  เป็นคอนโดสไตล์รีสอร์ท โลว์ไรซ์ 8 ชั้นติดทะเล ขนาด 1 ไร่  ดึงแบรนด์ผู้ให้บริการโรงแรมชั้นนำจากอเมริกา เบสเวสเทิร์น มาบริหารจัดการ ดูแลการเช่าให้กับนักลงทุน   มีเพียง 174 ยูนิต เริ่มต้น ที่ 3.2 ล้านบาท  หรือ เริ่มต้นตรม.ละ 107,000 บาท

การออกสตาร์ทแค่เพียง 3 เดือน แต่มียอดขายไปแล้วกว่า 50% ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้  และในสถานการณ์ที่มีซัพพลายล้นเช่นนี้ เป็นปรากฏการณ์ที่น่าชื่นชมและทำให้เรารู้และเข้าใจตลาดมากขึ้นว่า ทุกวันนี้อาจไม่ใช่ยุคที่ คนที่อยากได้ผลตอบแทนมากต้องยอมเสี่ยงมาก แต่เป็นยุคที่ “นักลงทุน” ก็ต้องการ Comfort Zone แต่ขออยู่แบบ Relax  นิดหน่อย!!!