เจาะเส้นทางนาฬิกาสวิต “มอริซ ลาครัวซ์” พร้อมเทรนด์ข้อมือ 2019

คุณสเตฟาน วาเซอร์

มอริซ ลาครัวซ์ เปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ 2020 หลักๆ คือออกแบบในไลน์ไอคอนเพิ่ม และเพิ่มรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงให้มากขึ้น คือรุ่น Flaba และ Masterpiece เพราะตลาดผู้หญิงกำลังขยายตัว

สำหรับแฟนนาฬิกา ไอคอน จริง ๆ ไม่ได้ใหม่สำหรับตลาด แต่เป็นการต่อยอดจากรุ่นในอดีตคือ รุ่นคาลิปโซ ที่มี 6 แขน ได้รับเสียงตอบรับมาก ตั้งแต่ปี 2016 ยุค 90 รุ่นคาลิปโซ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดรุ่นไอคอนขึ้นมา ไอคอนลอนช์ครั้งแรกเมื่อปี 2016 เริ่มที่ควอตซ์ก่อน ปี 2018 แตกมาเป็นรุ่นออโตเมติก ปีที่แล้วเปิดตัวนาฬิกาไอคอน เวนเจอเรอร์ นาฬิกากลุ่มดำน้ำ

หลังจากที่ไอคอนลอนช์ไปแล้ว ยอดขายของมอริซในระดับเวิลด์ วายด์ คือ คอลเลคชั่นไอคอน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และโตขึ้นเรื่อยๆ เกิดจากไอคอน แบรนด์จึงขยายตลาด พร้อมโฟกัสที่ไอคอน และเลือกเมืองไทยเป็นสถานที่แรกในการเปิดตัวก่อนงานโชว์นาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดระดับโลกที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

Mr. Stephane Waser

โอกาสนี้จึงได้สัมภาษณ์ Mr. Stephane Waser (คุณสเตฟาน วาเซอร์) Managing Director of Maurice Lacroix (กรรมการผู้จัดการ) เผยถึงเส้นทางการตลาดของเรือนเวลาสุดหรู พร้อมชาเลนจ์กระแทกใจจากเหล่า FC มิชชั่นที่ท้าทาย

20 ปีก่อน รุ่นมาสเตอร์พีซได้รับความนิยมมาก แต่เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาลงไปทำ รุ่นราคายอมเยาว์ลง ปีนี้กลับมาโฟกัสงานมาสเตอร์พีซมากขึ้น คิดว่าภาพลักษณ์ความนิยมของมอริซ จะขึ้นมาอีกครั้งไหม???

การตลาดเป็นเรื่องที่ซับซ้อน มอริซฯ ในตลาดโลก เช่น ยุโรป มอริซฯขายดีในนาฬิกาควอตซ์ แต่ในตลาดเอเชีย นาฬิกา ออโตเมติกได้รับความนิยมมากกว่า การตลาดจึงมีความซับซ้อน มอริซฯ เองขึ้นชื่อว่า เป็นนาฬิกาที่ราคาไม่สูง แต่ดูราคาแพง และมีคุณภาพดี ปีนี้จึงสร้างคอลเลคชั่นไอคอนขึ้นมา ซึ่งมีจุดตรงกลางระหว่าง ราคาไม่สูงมากกับไฮแอนด์ไปเลย ไอคอนพยายามทำราคาให้ไม่เกิน 3 แสนบาท และตลาดไฮเอนด์ก็ยังไม่ทิ้ง

รุ่นไอคอนจึงเป็นตัวที่สามารถทำยอดขายให้มอริซฯ ได้อย่างดี แต่มาสเตอร์พีซ ที่ออกมาเพื่อนักสะสมโดยเฉพาะเป็นรุ่นที่ต้องการโชว์เทคโนโลยี สามารถผลิตนาฬิกาชั้นสูง ซึ่งในงานบาเซิล จะได้เห็นทุกปี

ในโซเชียลมีเดีย ข่าวของมอริซฯ แอคทีฟมาก แบรนด์เราไม่เงียบไปจากตลาดเลย แม้ปีที่ผ่านมามอริซฯ ในตลาดไทยค่อนข้างเงียบ ปีนี้เราเห็นความสำคัญของตลาดในประเทศไทย เราจึงเลือกประเทศไทยมาเปิดตัว 5 คอลเลคชั่นใหม่ก่อนเป็นที่แรกในเอเชีย เพื่อให้ตลาดรู้ว่า มอริซฯ ยังทำการตลาดอยู่ กลยุทธ์การตลาดปีนี้ เราจะเน้นทำการตลาด มีโรดโชว์มากขึ้น และออกงานบาเซิล แฟร์ ด้วย มีการจัดโรดโชว์แต่ละประเทศเพราะเราวัดจากทำแบบนี้แล้ว เราทำการตลาดได้มากกว่าการไปโชว์ที่บาเซิล แฟร์เสียอีก ผลตอบรับดีกว่า เราจะทำตรงนี้ คือให้ความสำคัญแต่ละประเทศมากขึ้น ปีนี้จะไปโรดโชว์ด้วย และจะไปอเมริกาด้วย กรุงเทพฯ สิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น เราจะเดินสายไปทำการตลาดทั้งหมดในปีนี้ แม้ตลาดไทยไม่ใช่ตลาดที่ขายดีที่สุด แต่ก็มีความสำคัญ หลักการตลาดคือโรดโชว์ คือเราไปหาลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้ามาหาเรา     ในห้างฯ ทำให้ลูกค้าเห็นแบรนด์มากขึ้น

The Aikonic Novelties of 2020 collection

มองกำลังซื้อตลาดไทย

ตลาดหลักของมอริซฯ คือตลาดโลเคิลในประเทศนั้น ๆ และคิดว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจ เพราะคนไทยชอบนาฬิกา มีกำลังซื้อแน่นอน เช่น มาสเตอร์พีชคอลเลคชั่น เรายังมีคอลเลคเตอร์ที่เป็นคนไทยอยู่ ประเทศไทยเป็นตลาดติดอันดับท้อป 14 ของนาฬิกาสวิส อิมพอร์ต เมื่อปี 2019 มูลค่าประมาณ 229 บิลเลี่ยนฟังค์สวิส หรือประมาณ 7,000          บิลเลี่ยนไทยบาท หรือเข้าไปดูที่เว็บไซต์ของเราก็ได้ แผนการตลาดใหม่ เราไม่มีทูตแบรนด์ แต่เราเลือก friend of brand ที่ทำงานฝีมือ ราคากับคุณภาพงานไม่สูง แต่ดูดี เราเลือกคนที่เข้าถึงได้ ยิ่งเราโปรโมทรุ่นไอคอน ก็คือ ต้นแบบ ทุกคนเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ ประเทศไทยจึงเลือก เบนซ์ –ปริญญา ศิริสินสุข สตรีทอาร์ตทิส และ พิมพ์นารา แสงเงิน เป็นดีไซเนอร์ เพื่อเจาะตลาดให้เด็กลง เป็นเจเนอเรชั่นใหม่ ๆ นี่คือไดแรกชั่นของปีนี้

The Aikonic Novelties of 2020 collection

ซึ่งราคานาฬิกาของมอริสฯ มีเรนจ์ราคาตั้งแต่ 3 หมื่น ถึง 2.4 แสนบาท ปกติรุ่นที่ขายดีคือราคา 6-8 หมื่น ตัวไอคอนออโตเมติกจะขายดีมาก แต่ในปีนี้มีการปรับราคานาฬิกาแต่ละรุ่นให้ถูกลงประมาณเกือบ 20 เปอร์เซนต์ ตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเพื่อให้ราคาจำหน่าย มอริซฯ2มาเลเซียหรือสิงคโปร์มีราคาที่พอ ๆ กันกับเมืองไทยเพราะประเทศเพื่อนบ้านปรับราคาลงแล้วมีผลกับทุกรุ่นที่ราคาจะราคาลดลง เร็ว ๆ นี้คือซื้อประเทศเพื่อนบ้านก็มีราคาเกือบเท่า ๆ กัน ส่วนรุ่นไอคอนราคา 5 หมื่นถึง 9 หมื่น

แผนพัฒนากลไกลนาฬิกา

เราไม่หยุดยั่งด้านนวัตกรรม ตอนนี้เรามีกลไกกว่า 15 เครื่อง ปีที่แล้วเราเปิดตัวใหม่ รุ่นไอคอน เมอร์คิวรี่ เป็นนาฬิกาเอกซ์คลูซีฟมาก เวลาพิเศษสำหรับคนใส่ เจ้าของสามารถดูเวลาได้ปกติ แต่เวลาปล่อยแขนลง เข็มจะไปอยู่ที่ 12 /12 คือการโชว์นวัตกรรมอีกระดับ

ความคาดหวังของคอลใหม่

ปีนี้เราหวังว่าจะเป็นปีทองอีกปีหนึ่งของมอริซฯ โดยเฉพาะรุ่นไอคอน ปีนี้ตั้งใจจะต่อยอดความสำเร็จของไอคอน ต่อไปได้ เพราะเป็นตัวขายดี ต่อไปเราจะลอนซ์รุ่น gmt และลอนช์รุ่น มาสเตอร์พีชตามมา เป็นตัวเสริมแบรนด์ให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งปีนี้เราพบกับวิกฤตปัญหาโลกมาย เช่น โควิด 19 แต่เราก็หวังว่าเราจะมีความสุขกับการใช้ชีวิตต่อไป

ลูกค้าเรายังเป็นกลุ่มมิลเลเนียม คือยังเกอร์ เจเนอเรชั่น ตัวไอคอนคือกลุ่มที่ขายดี ออกแบบมาเพื่อคนอายุ 20 ถึง 45 ปี ขายดีมาก รุ่นไอคอนเป็นรุ่นที่เราโฟกัสในการทำการตลาด

แผนการตลาดปีนี้เน้นผู้หญิงด้วย สมัยก่อน สัดส่วน 50 : 50 ตลาดหญิงชาย ปีนี้ตัวเลขมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 30 : 70 ในอนาคตหวัง ผู้หญิง 40 ผู้ชาย 60 เปอร์เซ็นต์ คอลเลคชั่นใหม่ จะวางตลาดประมาณ เดือนมีนาคม ปีนี้

ซึ่งถ้าให้มมองเทรนด์ปีนี้ สีเขียวมาแรง มอริซจึงออกแบบสีเขียวออกมาด้วย ด้านสีเรนโบว์ก็เป็นที่นิยม

The Aikonic Novelties of 2020 collection

เรือนแรกที่ภูมิใจนำเสนอมากคือ ‘ไอคอน โครโนกราฟ สเกเลทัน’ (AIKON Chronograph Skeleton) ถือเป็นรุ่นไฮไลต์ของการเปิดตัวครั้งนี้ ที่พัฒนามาจาก ‘ไอคอน ออโตเมติก’ (AIKON Automatic) เข้ากับหนึ่งในรูปแบบการเคลื่อนไหวของฟันเฟืองที่โดดเด่นที่สุดจากการเผยให้เห็นโครงสร้างกลไกอันเปลือยเปล่า (Skeletonisation) ของนาฬิกาโครโนกราฟอัตโนมัติเรือนนี้ช่วยขับเน้นรายละเอียดของเข็มนาฬิกา กรอบหน้าปัด และปุ่มกดต่าง ๆ ด้วยลูกเล่นระหว่างแนวเส้นที่คมสลับกับรูปร่างวงกลมและหกเหลี่ยม มอริซ ลาครัวซ์ ได้เนรมิตชิ้นเหล็กกล้าให้กลายเป็นงานศิลปะของศาสตร์แห่งการทำนาฬิกาอันทรงพลัง ทำยากมีมิติ ทีมออกแบบจึงภูมิใจมาก สายสามารถถอดเปลี่ยนได้ สำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง สำหรับผู้ชายที่มีความชอบความซับซ้อน

คนไทยรักและนิยมซื้อนาฬิกาที่มีแบรนด์เป็นอันดับต้นๆของโลก ทางมอริซ ลาครัวซ์ มองไทยเป็นตลาดสำคัญ อันดับที่ 14 ของการส่งออก  จากข้อมูลในปีที่ผ่านมา(2562)  ประเทศไทยมีการนำเข้านาฬิกาแบรนด์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์สูงเป็นอันดับที่ 17  โดยมีมูลค่าการนำเข้ามาในไทยหรือส่งออกมาจากสวิตเซอร์แลนด์ราว 7,000 ล้านบาท   ตัวเลขดังกล่าว น้อยกว่าปีก่อนหน้านี้  แต่ตัวเลขล่าสุดในเดือนม.ค.63 ที่ผ่านมา พบว่ายอดการส่งออกมาไทยเพิ่มขึ้นกว่า 30% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

อีกทั้งประเทศไทยเป็นตลาดที่มอริซ ลาครัวซ์ จัดจำหน่ายมาอย่างยาวนานและเป็นที่นิยมของลูกค้าชาวไทยจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เลือกประเทศไทย เป็นประเทศแรกในเอเชียเพื่อพรีวิวสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ของปี 2020 โดยปีนี้ เราอยากสร้างความใกล้ชิดระหว่างแบรนด์กับลูกค้าชาวไทยให้มีมากขึ้น ขยายการรับรู้ต่อกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งคนรุ่นใหม่หรือกลุ่มมิลเลเนียล ผ่านคอลเลคชั่นต่างๆ ทั้ง 5 รุ่นที่วางจำหน่ายในปีนี้ สำหรับกลยุทธ์หลักของแบรนด์ คือ 1.มุ่งเน้นพัฒนาคอลเลคชั่น AIKON โดยเจาะลึกลงไปในรายละเอียด ทั้งด้านคุณภาพและการออกแบบที่สร้างสรรค์ 2.นำเสนอคอลเลคชั่นสำหรับสุภาพสตรีให้มากขึ้นผ่านคอลเลคชั่น Fiaba และMasterpiece

ชมความงดงามของมอริซ  ลาครัวซ์ (Maurice Lacroix) แบรนด์นาฬิกาหรูเหนือระดับจากสวิตเซอร์แลนด์ที่มีประวัติยาวนานกว่า 45 ปี เปี่ยมไปด้วยความหรูหราเหนือกาลเวลาทั้ง 5 รุ่น อาทิ ‘ไอคอน โครโนกราฟ สเกเลทัน’ (AIKON Chronograph Skeleton), ‘มาสเตอร์พีซ เอมเบรซ’ (Masterpiece Embrace), ‘เฟียบา  มูนเฟส’ (Fiaba Moonphase), ‘ไอคอน ควอตซ์’ (AIKON Quartz) ได้ที่ เคาน์เตอร์มอริซ ลาครัวซ์ ทั้ง 8 สาขา สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม, เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยาบีช, เซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต พร้อมสอบถามโปรโมชั่นได้ที่เคาน์เตอร์ทุกสาขา

Maurice Lacroix Thalland