สู้ยิบตา จากธุรกิจโรงงานขายแบตเตอรี่ก้าวสู่ธุรกิจโรงแรมในเมืองท่องเที่ยว-อุตสาหกรรม

  • สู้ยิบตา จากธุรกิจโรงงานขายแบตเตอรี่ก้าวสู่ธุรกิจโรงแรมในเมืองท่องเที่ยว-อุตสาหกรรม
  • ชุนหลีแกรนด์ เจเนอเรชั่นที่สอง ตกแต่งโรงแรมสไตล์แอนทีค ใช้เตียงไม้สักจากพม่า โคมไฟ นาฬิกาทองเหลืองจากเยอรมัน ฯลฯ รวมของเก่าหายากที่สะสม
  • กลยุทธ์ไม่มี เน้นการบริการแบบ “ บ้านๆ สไตล์” ทุกวันนี้ลูกค้าเข้ามายังถาม เจ๊อยู่ไหน? เฮียอยู่ไหน?
  • ทำทุกอย่างด้วยความรัก หวังให้ธุรกิจรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน พร้อมส่งต่อต้นกล้าทางการค้าที่ยั่งยืนนี้ให้กับลูกหลาน

วันนี้เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ “คุณเบย์” ปาริสา แซ่เตียว กรรมการผู้จัดการโรงแรมชุนหลีแกรนด์ จ.นครราชสีมา ทำให้ได้รู้จักที่มาที่ไปและแนวคิดการทำธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในแวดวงไหน คำว่ามีใจรักบริการยังเป็นคุณสมบัติยืนหนึ่งที่ทำใหื้ธุรกิจประคองตัวอยู่ได้ แม้มีการแข่งขันสูง บวกเพิ่มวิกฤติ

จุดเริ่มต้นของการทำโรงแรม?

หลายคนสงสัยว่าโรงแรมชุนหลีแกรนด์เป็นโรงแรมเก่าหรือเปล่า ไม่ใช่นะ คำว่า ชุนหลี มาจากคำว่า ชุนหลีแบตเตอรี่ ก็เลยใช้ชื่อเดิมจากร้านแบตเตอรี่มาเป็นชื่อโรงแรม โรงแรมนี้ตั้งมาได้ประมาณ 10 เดือน ก็โดนโควิดไป 3 เดือน แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเพราะเราบริหารงานด้วยใจ เราต่อสู้กันเราก็ผ่านมาได้ โรงแรมแห่งนี้สร้างมาในคอนเซปต์ที่ว่า ให้แขกที่มาพักรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน ในเรื่องการตบแต่งห้องนอนก็จะเป็นไม้สักจากพม่า เป็นงานแฮนด์เมด เตียงทุกเตียง เป็นฝีมือช่างแกะไม่ได้ใช้เครื่องจักร

งานแกะของที่นี่จะเป็นฝีมือของช่างพม่าที่มันดาเลย์ สาเหตุที่ใช้ไม้เพราะธุรกิจส่วนหนึ่งของเราทำการค้าไม้กับประเทศพม่าด้วย ก่อนที่จะทำธุรกิจโรงแรมเราทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ควบคู่กับการทำแบตเตอรี่ ก็ได้มีโอกาสไปพม่า และได้รู้จักกับคหบดีที่พม่าก็เลยมีโปรเจกต์ร่วมกัน ทำให้นำไม้จากพม่าเข้ามาได้ ก็ขายได้ช่วงเศรษฐกิจดี ทำได้ 2-3 ปีก็ประสบปัญหาด้านการเมืองมีการปฏิวัติ มีการปิดด่าน ทำให้การนำไม้เข้าประเทศยากขึ้น ภาษีก็แพงขึ้น เมื่อนำไม้เข้ามาไม่ได้เราก็เลยขายเท่าที่มี แต่ปัญหาคือเราขายไม่ได้เลยเพราะเศรษฐกิจไม่ดีเฟอร์นิเจอร์ก็ถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย

แนวคิดในการเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส

ส่วนการตกแต่งก็จะเป็นงานแอนทีค ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ นาฬิกา ที่เป็นทองเหลืองผลิตที่ประเทศเยอรมันทั้งหมด ของตกแต่งส่วนหนึ่งเป็นของที่เราสะสม ด้วยความที่เป็นนักสะสมก็อยากเอาของที่เราสะสมมาใช้ประโยชน์ คือเวลาเราไปโรงแรมเช็คอินเสร็จก็ขึ้นห้องนอน พอขึ้นห้องนอนก็หาที่เที่ยวเพราะไม่รู้จะอยู่ตรงไหน เราก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรให้คนมาพักรู้สึกเหมือนอยู่บ้านตัวเอง

งบประมาณการลงทุนที่ใช้ไป?

            ร้อยกว่าล้าน แต่ใช้เงินตัวเองทั้งหมด ตอนที่เราสร้างเราไม่ได้คิดว่าจะได้คืนทุนเมื่อ เราทำโรงแรมเราไมได้หวังกำไร แต่จุดประสงค์หลักคือแม่ทำให้ลูก เรายังอยู่เราทำให้ลูก เพราะลูกคงไม่มีความสามารถในการมาควบคุมการก่อสร้าง ป๊ามีความรู้ความสามารถควบคุมการก่อสร้างได้ งั้นทำให้ลูก อันนี้เป็นความคิดของนักธุรกิจรุ่นเก่า เรามีลูก 3 คน พอทำตรงนี้ให้ลูกไปก็เลยไม่ได้คิดว่าเมื่อไหร่คืนทุน เราคิดแค่ว่าเรามีธุรกิจรองรับให้ลูกแล้ว

ธุรกิจนี้เจนเนอเรชั่นที่ 2ขอกล่าวถึงสามีก่อน สามีชื่อประยุทธ์ แซ่เตียว (อายุ 68 ปี) ทุกคนรู้จักในนาม เฮียเหลียงชุนหลี สามีเป็นคนฉะเชิงเทรา เป็นคนแปดริ้ว แล้วได้ย้ายไปอยู่ชลบุรีไปทำธุรกิจแบตเตอรี่ ใกล้ๆ กับเฉลิมไทย ซึ่งตอนนั้นแกก็อายุเกือบ 20 ปี ก็ได้เดินทางมาที่โคราช มาเปิดร้านแบตเตอรี่ที่โคราชตั้งแต่พ.ศ.2517 จนถึงปัจจุบัน  เฮียจบ ป.4 แต่ความรู้ความสามารถระดับด็อกเตอร์ (หัวเราะ)

ทำไมถึงมาขายแบตเตอรี่?

แต่ก่อนเราเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ด้วย สมัยก่อนแบตเตอรี่จะเป็นยางมะตอย เฮียเขาไปเรียนที่โรงงานใหญ่ก่อน เรียนผลิตแบตเตอรี่ แล้วเข้ามาเปิดธุรกิจในครอบครัว ก็เลยกลายเป็นเรามีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของตัวเอง เพราะสมัยก่อนใช้คนผลิต ซ่อมได้ เฮียทำได้หลายอย่าง เฮียเก่ง อย่างโรงแรมนี้เฮียเป็นคนคุมก่อสร้างทั้งหมด ของทุกชิ้นที่เห็น เฮียทั้งหมด หนูมีหน้าที่ซื้อ

เฮียมาโคราชเมื่อพ.ศ.2517 ส่วนเบย์ก็เกิดพ.ศ.2517 แกก็เป็นเถ้าแก่ที่โคราชที่มีชื่อเสียง เราทำงานก็เลยได้รู้จักกัน แล้วก็ได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน ปัจจุบันลูกๆ เรียนจบหมดแล้ว เหลือคนเล็กรอรับปริญญา ธุรกิจแบตเตอรี่เรายกให้ลูกชายคนโต ลูกชายคนที่สองมาบริหารโรงแรม ลูกคนที่สามได้แบตเตอรี่อีก  1 ร้าน เราก็เป็นคุณแม่ที่คิดแทนลูก บอกลูกให้สานต่อแม่ทำให้แล้ว แต่ถ้าทำไม่ดีต่อไม่ได้ ก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว เราถือว่าเราให้เขาขนาดนี้แล้ว

ทำไปแล้วใจรัก เพราะชอบงานบริการ?

เป็นคนรักอาชีพบริการ ไม่ว่าเราจะทำอาชีพอะไร ตั้งแต่ตอนขายแบตเตอรี่ ทุกคนที่เข้ามาที่ร้านคำถามแรกที่เขาจะถามพนักงานในร้านคือเจ๊อยู่ไหน แม้กระทั่งมีโรงแรมทุกคนที่มาโรงแรม มาทานอาหารที่โรงแรมเขาก็จะถามว่าเจ๊อยู่ไหน นี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งเพราะเราชอบคุยชอบดูแลคนทุกระดับ อย่างตอนขายแบตเตอรี่ คนที่เข้ามาซื้อแบตเตอรี่ของเราส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกร ไม่ว่าเขาจะแต่งตัวแบบไหน เราก็ต้องเทคแคร์ดูแลให้ดี เพราะเขามีใจมาให้เรา งานบริการมันอยู่ในสายเลือด ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน จะเครียดเพียงใดแต่ถ้าเห็นหน้าลูกค้าเราก็จะยิ้ม 

ค่าที่พักคิดอย่างไร?

เรตตั้งไว้ที่ 1880 บาท ถ้าห้อง 2 เตียงอยู่ 1580 แต่ในช่วงภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทำอย่างไรให้โรงแรมอยู่ได้ ทำอย่างไรเพื่อเราจะได้มีเงินเลี้ยงบุคคลากรของเราให้อยู่รอด ก็เลยนั่งคุยกันว่าตอนนี้จัดโปรเหลือพันเพียงพร้อมอาหารเช้า 2 ท่าน ขอให้ลูกค้ามา ให้เขากินอิ่ม นอนหลับ จะถูกจะแพงวันหลังเขาจะนึกถึงเราเอง

จุดเด่นและแฟสิลิตี้ของโรงแรมที่พยายามทำให้แตกต่าง?

เกือบ 2 ไร่ มีห้องทั้งหมด 67 ห้อง ที่นี่จะทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง คือเราบอกกับผู้รับเหมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะทำอย่างไรก็ได้แต่ต้องให้ถูกต้องตามกฎหมาย ให้เอาแผนงานมาตั้งเลยว่าต้องมีบ่อบำบัดกี่ลูก ทางวนบันไดต้องกว้างกี่เมตร บันไดหนีไฟควรออกทางไหน คือทุกอย่าง ไม่อยากมีปัญหา แล้วเรื่องของความสะอาด ตอนที่เกิดโควิดทางโรงแรมใช้น้ำยาอีโคแลป (ECOLAB ) อย่างเดียวกับที่โรงพยาบาลใช้ ทุกวันนี้ก็ยังใช้อีโคแลปอยู่

ที่นี่ผ้าซักเองเราไม่ได้จ้างเขา ล้างจานที่นี่มีเครื่องล้างจาน ล้างเสร็จอบร้อน ล้างแก้วมีเครื่องล้างแก้ว ที่นี่ผ่านมาตราฐานหมด เรารักตัวเรา เราก็ต้องรักลูกค้าเรา

มีคู่แข่งทางการตลาดเยอะ มีกลยุทธ์อย่างไรอีก?

ที่โคราชคู่แข่งเยอะมาก และโรงแรมของเราหายากมาก คือทุกคนที่มาเกือบถอดใจว่าโรงแรมอะไรลี้ลับเหลือเกิน แต่พอมาแล้วทุกคนขอพักที่นี่ เพราะมาแล้วรู้สึกสบาย จึงพยายามทำ ราคาโปรโมชั่นตลอด ซึ่งจะยืนราคานี้ไประยะใหญ่ๆ เลย ตอนนี้วางแผนการตลาดไว้ว่าจะตรึงราคานี้ไว้ก่อน เพราะราคานี้สามารถรองรับได้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ นักท่องเที่ยว แขกวอร์คอิน ถ้ามีคนเข้ามาพักตลอดเราอยู่ได้ กำไรไม่มาก แต่เราก็ไม่ได้เดือดร้อน ไปต่อได้

หลักการบริการ ที่นี่ยังใช้เจ้าหน้าที่ไม่เยอะ มีแค่สิบกว่าคน และก็มีรับเด็กฝึกงานจากมหาวิทยาลัย เอ็มแบค ก็มาช่วยเราได้เยอะ ทำให้เราเซฟคอร์สลงไปในสภาวะการณ์แบบนี้

 คำแนะนำสำหรับคนที่อยากเข้ามาทำธุรกิจโรงแรม

อันดับแรกคนที่จะมาทำธุรกิจโรงแรม คุณต้องมีใจรักในงานบริการ และต้องให้เกียรติผุ้ที่มาพัก และทุกอย่างต้องสัมผัสด้วยตัวของคุณเอง ถ้าทุกอย่างคุณใช้จีเอ็มอย่างเดียว ใช้ลูกน้องอย่างเดียว คุณจะไม่มีโอกาสจะได้ใจจากผู้ที่มาพัก อันนี้คือเรื่องจริงจากชีวิตที่สัมผัสมา

วิธีแก้ปัญหา หลังเผชิญสถานการณ์วิกฤติโควิด  

ในตอนที่เกิดโควิดก็อยู่ที่โรงแรม ก็ถามเด็ก (เจ้าที่พนักงานโรงแรม) ที่โรงแรมว่าจะเอากันอย่างไร ในเมื่อเด็กๆ ก็ไม่มีประกันสังคม เพราะว่า เด็กเพิ่งเข้ามาทำงาน บ้านก็ต้องเช่า ถ้ากลับบ้านก็ต้องโดนกักตัว 14 วัน จะเงินที่ไหนกินข้าว เราก็ถามเขาว่าจะทำข้าวกล่องไหม เขาก็บอกว่าเอา หนูสู้  เราก็ถามเขาว่าจะส่งอย่างไรเราไม่มีแกรบนะ เขาขอบอกว่าเดี๋ยวส่งเอง ทุกคนที่นี่ก็เลยขับมอเตอร์ไซด์ คือสั่งกล่องเดียวเราก็ส่ง ถามว่ากล่องเดียวมีกำไรไหม มันอาจจะไม่คุ้มค่าแรงงาน แต่เราได้เลี้ยงดูเขา เขามีข้าวกิน มีเงินจ่าย เพราะถึงแม้จะปิดโควิดแต่โรงแรมก็มีค่าน้ำค่าไฟอยู่ดี เราก็เลยมาหารายได้เพิ่ม

คือเราไม่ได้เด็กกลับแต่เราเลี้ยงเด็กไว้ก็คิดซะว่าเงินที่เราต้องจ่ายเขา เราต้องเสียงบการตลาด คืออย่างไรเราก็ต้องเสียงบการตลาดอยู่แล้ว เราก็เอาวิกฤตเป็นโอกาสที่อื่นเขาปิดร้าน ไม่มีคนส่ง คนกลัวโควิดไม่กล้าออกจากบ้าน แต่เบย์ มารีน่าทำ ไปที่ไหนก็เบย์ มารีน่าอยู่ตรงไหน ร้านอาหารเบย์มารีน่ามีอะไร กลายเป็นสั่งเป็นอาหารประจำครอบครัว จากกล่องหนึ่งสองกล่อง ก็กลายเป็นอาหารชุดมื้อเย็น กลายเป็นทำให้ชื่อเสียงเบย์มารีน่าดังขึ้น คนรู้จักมากขึ้น นี่คือสิ่งที่เบย์ภุมิใจที่เบย์ไม่ทิ้งเด็ก มันทำให้เบย์ได้กลับมา

ในเรื่องของแพ็กเกจจิ้งที่ส่ง เราทำดีคุ้มกว่าราคา คือมีกระดาษทิชชู่ให้ มีช้อนส้อม ไม้จิ้มฟัน ปิดผนึกอย่างดี ทุกคนประทับใจเรื่องความสะอาด เรื่องปริมาณก็ไม่ต้องพูดถึง กินอิ่ม กำไรเราอาจจะไม่เยอะ แต่มีพอที่จะเลี้ยงดูเด็ก และการตลาดเราได้  ชื่อเบย์มารีน่าคือชื่อร้านอาหาร คืออยากมีส่วนร่วมกับโรงแรมนิดหนึ่งก็เลยขอ คือโดยส่วนตัว เบย์มีคนรู้จักเยอะ เราก็เลยเอาจุดนี้เป็นจุดขาย คือโรงแรมชื่อชุนหลีแกรนด์ เรามีร้านอาหารที่แยกออกมาไม่เกี่ยวกับตัวโรงแรม คือจดทะเบียนคนละคนกัน ก็ใช้ชื่อว่าร้านเบย์ มารีน่า

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรม https://www.facebook.com/chunleegrand/