แนะนำหลักสูตรต่างๆ ใน คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ

คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ มีเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ที่ใช้ในการเรียนการสอน ในสาขาวิชารังสีเทคนิค สาขาวิชาฉุกเฉินการแพทย์ และสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวและสุขภาพ โดย โรงเรียนรังสีเทคนิค หลักสูตรที่ผลิตนักรังสีเทคนิค มาจากการสร้างภาพทางการแพทย์มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการช่วยแพทย์วินิจฉัย และรักษาโรคในผู้ป่วย ทำให้ประเทศไทยต้องการกำลังคนในสายงานรังสีวิทยาเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะนักรังสีเทคนิคเป็นที่ต้องการและถือเป็นวิชาชีพขาดแคลนในประเทศไทย

ปัจจุบันหลักสูตรเปิดดำเนินการมาเป็นปีที่ 8 ดำเนินการเรียนการสอนโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ทั้งรังสีวินิจฉัย รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์ นักศึกษามีโอกาสได้เรียนภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติกับเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ เครื่อง MRI 1.5 เทสลา และเครื่อง MRI ขนาด 3 เทสลา จำนวน 3 เครื่อง และมีเครื่อง MRI แบบพิเศษ คือ MRI Upright และ MRI HIFU นอกจากนี้ในส่วนของเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือ CT ยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้ง 3 แบบ ได้แก่ CT Dual source, kV switching, Dual Layer ที่พร้อมให้นักศึกษาของเราไปเรียนรู้และฝึกงาน ส่วนทางด้านเวชศาสตร์นิวเคลียร์ นักศึกษาจะได้มีโอกาส ไปเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ ณ ศูนย์ไซโคลตรอนและเพทสแกนแห่งชาติ ซึ่งมีเครื่องมือที่ทันสมัย ได้แก่ เครื่องถ่ายภาพ Digital PET/CT เครื่องแรกของประเทศไทยจำนวน 2 เครื่อง และเครื่อง PET/MRI เครื่องแรกและเครื่องเดียวของประเทศไทย เครื่อง Cyclotron และ Module สำหรับการผลิตสารเภสัชรังสีต่างๆ และด้านรังสีรักษานักศึกษาจะได้มีโอกาสเรียนรู้เครื่องมือและฝึกปฏิบัติ ณ งานรังสีรักษามะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ที่มีเครื่องมือที่ทันสมัย นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อช่วยแพทย์

โรงเรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์ หลักสูตรฉุกเฉินการแพทย์ ทางหลักสูตรมุ่งเน้นผลิตบัณฑิตให้มีความรู้ความชำนาญ และทักษะด้านฉุกเฉินการแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินโดยเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตนั้นได้รับการผดุงชีวิตรวมทั้งป้องกันการเสียชีวิตหรือการรุนแรงขึ้นของการบาดเจ็บหรืออาการป่วยนั้นได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพตามมาตรฐานการแพทย์ฉุกเฉิน สามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับสหวิชาชีพในงานฉุกเฉินการแพทย์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อลดอัตราความเสี่ยงและความสูญเสียของผู้ป่วยกรณีฉุกเฉินให้ได้รับการปฏิบัติการฉุกเฉินก่อนถึงมือผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน มีความทันสมัยเข้ากับบริบทของประเทศและนานาชาติ นำไปสู่การวิจัย ช่วยเหลือ และการถ่ายทอดความรู้ให้กับบุคคลอื่นได้ ในส่วนของการเรียนการสอน นอกเหนือจากเนื้อหาวิชาการ นักศึกษาจะได้ประสบการณ์ฝึกปฏิบัติกับหุ่นจำลอง ได้ฝึกซ้อมการบริบาลผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บนอกโรงพยาบาลเสมือนจริงในศูนย์จำลองสถานการณ์เพื่อการเรียนรู้ รวมทั้งได้ฝึกประสบการณ์จริงในช่วงฝึกภาคสนามที่โรงพยาบาลแหล่งฝึกทั่วประเทศไทย เพื่อพัฒนาทั้งความรู้และทักษะให้มีความพร้อมที่จะดูแลประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศและยกระดับการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉินนอกโรงพยาบาลให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ทางหลักสูตรยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในการตอบโต้ภัยพิบัติให้มีมาตรฐานสากล ซึ่งจะมีการสอดแทรกองค์ความรู้และทักษะการบริหารสาธารณภัยให้แก่นักศึกษาทั้งในรูปแบบของกิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมนอกหลักสูตร และโอกาสในการศึกษาเฉพาะทางต่อต่างประเทศ

โรงเรียนวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวและสุขภาพ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวและสุขภาพ เป็นหลักสูตรแรกของประเทศไทย ใช้เวลาศึกษา 4 ปี ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ในภาคทฤษฎีประกอบด้วยวิชาหลักที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว เช่น กายวิภาคศาสตร์ ชีวกลศาสตร์ สรีรวิทยาการออกกำลังกาย จิตวิทยา โภชนาการ เป็นต้น ในส่วนการฝึกภาคปฏิบัติจะเริ่มฝึกประสบการณ์ในการทำงานจริงตั้งแต่ชั้นปีที่ 3 ซึ่งต้องฝึกงานทั้งในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สถานออกกำลังกายทั้งภายในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และภายนอก เช่น หน่วยงานภาครัฐและเอกชน สโมสรกีฬา ทั้งเพื่อสุขภาพ และเพื่อนักกีฬาชั้นเลิศ และทีมกีฬาอาชีพ เช่น ทีมฟุตบอล วอลเลย์บอล เป็นต้น นอกจากนี้นักศึกษาต้องมีงานวิจัยเพื่อสร้างนวัตกรรมและปฏิบัติงานจิตอาสาเพื่อชุมชนในระหว่างการศึกษาอีกด้วย ทั้งนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ ห้องชีวกลศาสตร์ เพื่อการทดสอบการวิเคราะห์ท่าทางการเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติ (3D-Dimension Movement Analysis) เป็นการวิเคราะห์ท่าทางโดยมีการติดเครื่องหมายสะท้อนแสงที่ปุ่มกระดูกหรือข้อต่อ และใช้กล้องบันทึกภาพการเคลื่อนไหว จากนั้นใช้โปรแกรมเฉพาะเพื่อวิเคราะห์ตัวแปรทางคิเนเมติกส์และคิเนติกส์ของการเคลื่อนไหว เช่น มุมองศาของข้อต่อ ความเร็วเชิงเส้น เชิงมุมของข้อต่อ และแรงปฏิกิริยาในแนวดิ่งจากพื้น เป็นต้น เพื่อประเมินและวางแผนในพัฒนาการฝึกซ้อมของนักกีฬาให้มีพัฒนาการที่ดีมากยิ่งขึ้น

ฟังรายละเอียดจากท่านอาจารย์เต็มๆ ไปเลยดีกว่าค่ะ